รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียแปรพักต์ หนีลี้ภัยในอังกฤษ
2 posters
No drift :: บ่นข่าวทั่วไป :: ข่าวรอบโลก
หน้า 1 จาก 1
รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียแปรพักต์ หนีลี้ภัยในอังกฤษ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554
มุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียแปรพักต์จากประธานาธิบดีกัดดาฟี
เอเอฟพี - มุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียเดินทางถึงอังกฤษเมื่อวันพุธ(23) และบอกกับรัฐบาลของเดวิด คาเมรอน ว่าเขาลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วงเหตุโจมตีพลเรือนของกองกำลังมูอัมมาร์ กัดดาฟี
ถ้อยแถลงของสำนักงานเครือจักรภพและกิจการต่างประเทศของอังกฤษระบุ "เรายืนยันว่า มุสซา คุสซา เดินทางจากตูนิเซีย มาถึงสนามบินฟาร์นโบโร เมื่อวันที่ 30 มีนาคม เขาเดินทางมาด้วยเจตจำนงเสรีของตนเอง และเขาบอกกับเราว่าได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว"
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวแห่งรัฐของตูนิเซียรายงานว่า คุสเซา ข้ามพรมแดนจากลิเบียมายังตูนิเซียเมื่อวันจันทร์(28) แต่ในเวลาต่อมาทางโฆษกของรัฐบาลลิเบียในกรุงตริโปลี ออกมาปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการแปรพักต์ของรัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ และอ้างว่า มุสซา คุสซา เดินทางไปปฏิบัติภารกิจทางการทูตเท่านั้น ทว่าการปรากฏตัวในลอนดอน ก็ยืนยันถึงเจตจำนงของเขาได้เป็นอย่างดี
"มุสซา คุสซา คือหนึ่งในบุคคลสำคัญในรัฐบาลของกัดดาฟี และบทบาทของเขาคือเป็นตัวแทนของรัฐบาลในระดับสากล บางอย่างที่เขาไม่มีความตั้งใจจะทำอีกต่อไป"ถ้อยแถลงของสำนักงานเครือจักรภพและกิจการต่างประเทศของอังกฤษระบุ
ถ้อยแถลงระบุต่อว่า "เราสนับสนุนกลุ่มคนที่อยู่รอบๆตัวกัดดาฟี ให้ละทิ้งเขาและอ้าแขนยอมรับอนาคตที่ดีกว่าสำหรับชาวลิเบีย ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนถ่ายทางการเมืองและปฏิรูปที่แท้จริงอันตรงตามความปราถนาของประชาชนชาวลิเบีย"
ด้านเพื่อนคนหนึ่งของ มุสซา คุสซา ก็ยืนยันข่าวการเดินทางมาขอลี้ภัยในอังกฤษของรัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ หลังตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วงการโจมตีอันโหดเหี้ยมต่อประชาชนของกองกำลังกัดดาฟี
"เขาแปรพักต์จากรัฐบาล" โนมัน เบนอตมัน เพื่อนและนักวิเคราะห์จากสถาบันควินเลียมของอังกฤษกล่าว "เขาไม่มีความสุขเลย เขาไม่สนับสนุนรัฐบาลที่โจมตีพลเรือน เขากำลังขอลี้ภัยในอังกฤษและหวังว่าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี"
มุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียแปรพักต์จากประธานาธิบดีกัดดาฟี
เอเอฟพี - มุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียเดินทางถึงอังกฤษเมื่อวันพุธ(23) และบอกกับรัฐบาลของเดวิด คาเมรอน ว่าเขาลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วงเหตุโจมตีพลเรือนของกองกำลังมูอัมมาร์ กัดดาฟี
ถ้อยแถลงของสำนักงานเครือจักรภพและกิจการต่างประเทศของอังกฤษระบุ "เรายืนยันว่า มุสซา คุสซา เดินทางจากตูนิเซีย มาถึงสนามบินฟาร์นโบโร เมื่อวันที่ 30 มีนาคม เขาเดินทางมาด้วยเจตจำนงเสรีของตนเอง และเขาบอกกับเราว่าได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว"
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวแห่งรัฐของตูนิเซียรายงานว่า คุสเซา ข้ามพรมแดนจากลิเบียมายังตูนิเซียเมื่อวันจันทร์(28) แต่ในเวลาต่อมาทางโฆษกของรัฐบาลลิเบียในกรุงตริโปลี ออกมาปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการแปรพักต์ของรัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ และอ้างว่า มุสซา คุสซา เดินทางไปปฏิบัติภารกิจทางการทูตเท่านั้น ทว่าการปรากฏตัวในลอนดอน ก็ยืนยันถึงเจตจำนงของเขาได้เป็นอย่างดี
"มุสซา คุสซา คือหนึ่งในบุคคลสำคัญในรัฐบาลของกัดดาฟี และบทบาทของเขาคือเป็นตัวแทนของรัฐบาลในระดับสากล บางอย่างที่เขาไม่มีความตั้งใจจะทำอีกต่อไป"ถ้อยแถลงของสำนักงานเครือจักรภพและกิจการต่างประเทศของอังกฤษระบุ
ถ้อยแถลงระบุต่อว่า "เราสนับสนุนกลุ่มคนที่อยู่รอบๆตัวกัดดาฟี ให้ละทิ้งเขาและอ้าแขนยอมรับอนาคตที่ดีกว่าสำหรับชาวลิเบีย ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนถ่ายทางการเมืองและปฏิรูปที่แท้จริงอันตรงตามความปราถนาของประชาชนชาวลิเบีย"
ด้านเพื่อนคนหนึ่งของ มุสซา คุสซา ก็ยืนยันข่าวการเดินทางมาขอลี้ภัยในอังกฤษของรัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ หลังตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วงการโจมตีอันโหดเหี้ยมต่อประชาชนของกองกำลังกัดดาฟี
"เขาแปรพักต์จากรัฐบาล" โนมัน เบนอตมัน เพื่อนและนักวิเคราะห์จากสถาบันควินเลียมของอังกฤษกล่าว "เขาไม่มีความสุขเลย เขาไม่สนับสนุนรัฐบาลที่โจมตีพลเรือน เขากำลังขอลี้ภัยในอังกฤษและหวังว่าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี"
Re: รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียแปรพักต์ หนีลี้ภัยในอังกฤษ
อังกฤษขับทูตลิเบียฝ่ายหนุนกัดดาฟี อ้างเป็นภัยความมั่นคง
รัฐบาลอังกฤษของเดวิด คาเมรอน มีคำสั่งเนรเทศทูตลิเบีย 5 ราย
เอเจนซี - อังกฤษขับเจ้าหน้าที่ทูต 5 คนของลิเบียเพื่อประท้วงพฤติกรรมของรัฐบาลโมอัมมาร์ กัดดาฟีและอ้างว่าเพราะพวกเขาเหล่านั้นอาจเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ
วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษบอกกับรัฐสภาเมื่อวันพุธ(30) ว่า "เพื่อย้ำให้เห็นถึงความกังวลใหญ่หลวงของเราต่อพฤติกรรมของรัฐบาลลิเบีย วันนี้เราได้ขับทูต ณ สถานทูตลิเบียประจำกรุงลอนดอน 5 รายออกนอกประเทศ ในจำนวนนั้นรวมไปถึงผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร"
"รัฐบาลพิจารณาแล้วว่าหากบุคคลเหล่านี้ยังคงอยู่ในอังกฤษ พวกเขาอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของเรา" เฮกกล่าว ขณะที่แหล่งข่าวรัฐบาลเปิดเผยว่าผู้แทนทูตเหล่านั้นซึ่งเชื่อว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟั มีเวลา 7 วันในการเดินทางออกจากอังกฤษ
อังกฤษเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้แทนระดับสูงของ 40 ประเทศและองค์การระหว่างประเทศเมื่อวันอังคาร(29)เพื่อกดดันให้ กัดดาฟี ลาออกและรับประกันว่าปฏิบัติการทางทหารต่อกองกำลังของผู้นำรายนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าเขาจะยอมทำตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อปกป้องพลเรือน
นับตั้งแต่การประท้วงต่อต้านระบอบการปกครองของกัดดาฟีเริ่มต้นขึ้น อังกฤษและฝรั่งเศสเป็นหัวหอกของนานาชาติในปฏิบัติการกำหนดเขตห้ามบินในลิเบีย และ ณ ที่ประชุมในกรุงลอนดอนวันอังคาร(29) มหาอำนาจบางประเทศเริ่มตรึกตรองถึงมาตรการสนับสนุนด้านอาวุธแก่นักรบฝ่ายกบฏ แม้ว่า อังกฤษและสหรัฐฯ บอกว่ายังไม่ตัดสินใจในเรื่องนี้
ในวันพุธ(30) ดาวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษก็ย้ำถึงแนวทางนี้ พร้อมระบุว่ามติที่ 1973 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น อนุญาตให้ใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องพลเรือน
อังกฤษ สหรัฐฯและกาตาร์ ยังเสนอแนะในที่ประชุมด้วยว่า นานาชาติควรเปิดทางให้กัดดาฟี พร้อมด้วยครอบครัวของเขา สามารถลี้ภัยยังต่างประเทศได้ หากพวกเขายอมรับคำขาดจากประชาคมโลกให้รีบยุติเหตุนองเลือดในประเทศที่ดำเนินมานาน 6 สัปดาห์นี้
เฮก แถลงต่อว่าคณะทูตของอังกฤษ ซึ่งนำโดยทูตระดับอาวุโส คริสโตเฟอร์ เพรนทริซ ได้เดินทางไปเยือนเมืองเบนซากี ป้อมปราการสำคัญของฝ่ายกบฏในวันจันทร์(28)และวันอังคาร(29)พร้อมกับได้พบปะกับแกนนำกลุ่มฝ่านต่อต้านรัฐบาลหลายคน ในจำนวนนั้นรวมไปถึงมุสตาฟา อัลเดล จาลิล ประธานสภาแห่งชาติลิเบียของฝ่ายกบฏ
แต่เขาบอกว่าการมอบอาวุธใหม่เข้าสู่ความขัดแย้งนี้อาจก่อผลสะท้อนที่มิอาจคาดการณ์ได้ล่วงหน้าและไม่ทราบถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา พร้อมระบุว่าการตัดสินใจต่างๆควรเป็นไปอย่างรอบคอบที่สุดก่อนที่รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงนโยบายในเรื่องนี้
รัฐบาลอังกฤษของเดวิด คาเมรอน มีคำสั่งเนรเทศทูตลิเบีย 5 ราย
เอเจนซี - อังกฤษขับเจ้าหน้าที่ทูต 5 คนของลิเบียเพื่อประท้วงพฤติกรรมของรัฐบาลโมอัมมาร์ กัดดาฟีและอ้างว่าเพราะพวกเขาเหล่านั้นอาจเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ
วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษบอกกับรัฐสภาเมื่อวันพุธ(30) ว่า "เพื่อย้ำให้เห็นถึงความกังวลใหญ่หลวงของเราต่อพฤติกรรมของรัฐบาลลิเบีย วันนี้เราได้ขับทูต ณ สถานทูตลิเบียประจำกรุงลอนดอน 5 รายออกนอกประเทศ ในจำนวนนั้นรวมไปถึงผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร"
"รัฐบาลพิจารณาแล้วว่าหากบุคคลเหล่านี้ยังคงอยู่ในอังกฤษ พวกเขาอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของเรา" เฮกกล่าว ขณะที่แหล่งข่าวรัฐบาลเปิดเผยว่าผู้แทนทูตเหล่านั้นซึ่งเชื่อว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟั มีเวลา 7 วันในการเดินทางออกจากอังกฤษ
อังกฤษเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้แทนระดับสูงของ 40 ประเทศและองค์การระหว่างประเทศเมื่อวันอังคาร(29)เพื่อกดดันให้ กัดดาฟี ลาออกและรับประกันว่าปฏิบัติการทางทหารต่อกองกำลังของผู้นำรายนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าเขาจะยอมทำตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อปกป้องพลเรือน
นับตั้งแต่การประท้วงต่อต้านระบอบการปกครองของกัดดาฟีเริ่มต้นขึ้น อังกฤษและฝรั่งเศสเป็นหัวหอกของนานาชาติในปฏิบัติการกำหนดเขตห้ามบินในลิเบีย และ ณ ที่ประชุมในกรุงลอนดอนวันอังคาร(29) มหาอำนาจบางประเทศเริ่มตรึกตรองถึงมาตรการสนับสนุนด้านอาวุธแก่นักรบฝ่ายกบฏ แม้ว่า อังกฤษและสหรัฐฯ บอกว่ายังไม่ตัดสินใจในเรื่องนี้
ในวันพุธ(30) ดาวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษก็ย้ำถึงแนวทางนี้ พร้อมระบุว่ามติที่ 1973 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น อนุญาตให้ใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องพลเรือน
อังกฤษ สหรัฐฯและกาตาร์ ยังเสนอแนะในที่ประชุมด้วยว่า นานาชาติควรเปิดทางให้กัดดาฟี พร้อมด้วยครอบครัวของเขา สามารถลี้ภัยยังต่างประเทศได้ หากพวกเขายอมรับคำขาดจากประชาคมโลกให้รีบยุติเหตุนองเลือดในประเทศที่ดำเนินมานาน 6 สัปดาห์นี้
เฮก แถลงต่อว่าคณะทูตของอังกฤษ ซึ่งนำโดยทูตระดับอาวุโส คริสโตเฟอร์ เพรนทริซ ได้เดินทางไปเยือนเมืองเบนซากี ป้อมปราการสำคัญของฝ่ายกบฏในวันจันทร์(28)และวันอังคาร(29)พร้อมกับได้พบปะกับแกนนำกลุ่มฝ่านต่อต้านรัฐบาลหลายคน ในจำนวนนั้นรวมไปถึงมุสตาฟา อัลเดล จาลิล ประธานสภาแห่งชาติลิเบียของฝ่ายกบฏ
แต่เขาบอกว่าการมอบอาวุธใหม่เข้าสู่ความขัดแย้งนี้อาจก่อผลสะท้อนที่มิอาจคาดการณ์ได้ล่วงหน้าและไม่ทราบถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา พร้อมระบุว่าการตัดสินใจต่างๆควรเป็นไปอย่างรอบคอบที่สุดก่อนที่รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงนโยบายในเรื่องนี้
Re: รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียแปรพักต์ หนีลี้ภัยในอังกฤษ
รัสเซียเห็นต่างสุดขั้ว! “ตะวันตก” ไม่มีสิทธิ “ติดอาวุธ” ให้กบฏลิเบีย
เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย
เอเอฟพี - เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยถึงทรรศนะของรัฐบาลหมีขาว วันนี้ (30) ว่า มหาอำนาจชาติตะวันตกไม่มีสิทธิให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทธภัณฑ์แก่กองกำลังกบฏลิเบีย ภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1973
“เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส เคยพูดไว้ ว่า ฝรั่งเศสพร้อมหารือกับพันธมิตรสงครามให้สนับสนุนการติดอาวุธกองกำลังฝ่ายต่อต้าน” รัฐมนตรีลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว โดยอ้างถึงเนื้อหาในการประชุมของนานาชาติเกี่ยวกับวิกฤตความขัดแย้งภายในลิเบีย ณ กรุงลอนดอน วานนี้ (29)
“หลังจากนั้นไม่นาน แอนเดอร์ ฟอกห์ ราสมุสเซน เลขาธิการนาโต ก็ประกาศออกมา ว่า ปฏิบัติการทางทหารในลิเบียมีวัตถุประสงค์ในการปกป้องชีวิต ไม่ใช่การติดอาวุธให้พลเรือน ในส่วนนี้ เราเห็นด้วยกับทัศนคติของเลขาธิการนาโตโดยไม่มีข้อกังขา”
ทั้งนี้ อแลง ชูปเป รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ได้กล่าวระหว่างการประชุมเมื่อวันอังคาร ว่า ประเทศของเขา พร้อมเจรจากับชาติพันธมิตรให้ช่วยเหลือกองกำลังกบฏด้านการทหาร เพื่อสู้รบกับกองทัพของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี
ด้าน ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประเด็นการติดอาวุธให้กลุ่มกบฏไม่ได้ถูกยกขึ้นอภิปรายบนโต๊ะประชุมรอบกรุงลอนดอน วานนี้ แต่รัฐมนตรีท่านนี้ก็เน้นย้ำถึงการตีความมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1973 ของสหรัฐฯ ว่า “ไม่ได้ปิดกั้นการติดอาวุธให้ใครก็ตามในลิเบียโดยสิ้นเชิง”
รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่งดออกเสียงในการลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงมาตรการกำหนดเขตห้ามบิน และการปกป้องชีวิตพลเรือน โดยโต้แย้งนานาชาติ ว่า การโจมตีลิเบียของกองกำลังพันธมิตรชาติตะวันตก เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ มิหนำซ้ำการมติดังกล่าวรังแต่จะทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้ เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ ก็ได้ตอกย้ำอีกครั้งถึงความเห็นของรัฐบาลรัสเซีย ว่า ถึงเวลาแล้วที่ มูอัมมาร์ กัดดาฟี สมควรสละอำนาจ และยินยอมให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นปกครองประเทศ
นักการทูตหมายเลขหนึ่งแห่งรัสเซียท่านนี้ ระบุว่า “เวลาแห่งการปฏิวัติลิเบียมาถึงแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แน่นอน ลิเบียจะมีระบอบการปกครองใหม่ แน่นอน ระบอบนั้นควรเป็นประชาธิปไตย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ประชาชนลิเบียต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยไม่มีการแทรกแซงจากตะวันตก”
รัฐมนตรี เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวทิ้งท้าย ว่า ข้อเสนอหยุดยิง และการเริ่มใช้การเจรจาแก้ปัญหาทางการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นอันดับแรก
เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย
เอเอฟพี - เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยถึงทรรศนะของรัฐบาลหมีขาว วันนี้ (30) ว่า มหาอำนาจชาติตะวันตกไม่มีสิทธิให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทธภัณฑ์แก่กองกำลังกบฏลิเบีย ภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1973
“เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส เคยพูดไว้ ว่า ฝรั่งเศสพร้อมหารือกับพันธมิตรสงครามให้สนับสนุนการติดอาวุธกองกำลังฝ่ายต่อต้าน” รัฐมนตรีลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว โดยอ้างถึงเนื้อหาในการประชุมของนานาชาติเกี่ยวกับวิกฤตความขัดแย้งภายในลิเบีย ณ กรุงลอนดอน วานนี้ (29)
“หลังจากนั้นไม่นาน แอนเดอร์ ฟอกห์ ราสมุสเซน เลขาธิการนาโต ก็ประกาศออกมา ว่า ปฏิบัติการทางทหารในลิเบียมีวัตถุประสงค์ในการปกป้องชีวิต ไม่ใช่การติดอาวุธให้พลเรือน ในส่วนนี้ เราเห็นด้วยกับทัศนคติของเลขาธิการนาโตโดยไม่มีข้อกังขา”
ทั้งนี้ อแลง ชูปเป รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ได้กล่าวระหว่างการประชุมเมื่อวันอังคาร ว่า ประเทศของเขา พร้อมเจรจากับชาติพันธมิตรให้ช่วยเหลือกองกำลังกบฏด้านการทหาร เพื่อสู้รบกับกองทัพของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี
ด้าน ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประเด็นการติดอาวุธให้กลุ่มกบฏไม่ได้ถูกยกขึ้นอภิปรายบนโต๊ะประชุมรอบกรุงลอนดอน วานนี้ แต่รัฐมนตรีท่านนี้ก็เน้นย้ำถึงการตีความมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1973 ของสหรัฐฯ ว่า “ไม่ได้ปิดกั้นการติดอาวุธให้ใครก็ตามในลิเบียโดยสิ้นเชิง”
รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่งดออกเสียงในการลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงมาตรการกำหนดเขตห้ามบิน และการปกป้องชีวิตพลเรือน โดยโต้แย้งนานาชาติ ว่า การโจมตีลิเบียของกองกำลังพันธมิตรชาติตะวันตก เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ มิหนำซ้ำการมติดังกล่าวรังแต่จะทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้ เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ ก็ได้ตอกย้ำอีกครั้งถึงความเห็นของรัฐบาลรัสเซีย ว่า ถึงเวลาแล้วที่ มูอัมมาร์ กัดดาฟี สมควรสละอำนาจ และยินยอมให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นปกครองประเทศ
นักการทูตหมายเลขหนึ่งแห่งรัสเซียท่านนี้ ระบุว่า “เวลาแห่งการปฏิวัติลิเบียมาถึงแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แน่นอน ลิเบียจะมีระบอบการปกครองใหม่ แน่นอน ระบอบนั้นควรเป็นประชาธิปไตย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ประชาชนลิเบียต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยไม่มีการแทรกแซงจากตะวันตก”
รัฐมนตรี เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวทิ้งท้าย ว่า ข้อเสนอหยุดยิง และการเริ่มใช้การเจรจาแก้ปัญหาทางการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นอันดับแรก
Re: รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียแปรพักต์ หนีลี้ภัยในอังกฤษ
- - โลกเรานี่ไม่ ภัยภิบัติก็ปฏิวัติ ฆ่ากันตายนะครับ - -
No drift :: บ่นข่าวทั่วไป :: ข่าวรอบโลก
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ